
การอาบน้ำเกิดขึ้น เคียงคู่กับประวัติศาสตร์โลก พร้อมๆ กับวิวัฒนาการไม่หยุดหย่อน เพื่อความงามและสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี อาทิ การแช่น้ำร้อนหรือ Onsenซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิถีการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นมาช้านาน ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 8 ในยุคสมัยชินโต ยุคแรกเริ่มของการปลูกฝังความเชื่อเรื่องศาสนาและสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ต่างๆ เพื่อการเคารพบูชา บ่อน้ำร้อนก็ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่คนในยุคนั้นยกให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่ายุคสมัยวันเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานหลายศตวรรษ ประเพณีความเชื่อของการชำระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์โดยการแช่ในบ่อน้ำพุร้อน ก็ยังคงความนิยมไม่เสื่อมคลาย เพราะนอกเหนือจากการอาบน้ำทำความสะอาดผิวแล้ว อุณหภูมิของน้ำในบ่อน้ำร้อนยังสามารถช่วยคลายความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ คืนความสดชื่น พร้อมๆ ไปกับการบำรุงผิว ด้วยประโยชน์อันหลายหลากของแร่ธาตุนานาชนิด
ถึงแม้การแช่บ่อน้ำพุร้อนหรือ การอาบน้ำแบบญี่ปุ่นจะไม่ใช่ปฏิบัตินิยมของชาวไทย แต่เราก็สามารถรังสรรค์สุขภาพผิวพรรณดีๆ จากเคล็ดลับการอาบน้ำที่ถูกวิธีได้ นั่นคือ
* ก่อนอาบน้ำ ลองขัดผิวโดยการจับปลายผ้าขนหนูแห้งไว้ทั้ง 2 ข้าง แล้วเริ่มถูไปตามร่างกาย จุดละประมาณ 20 ครั้ง เพื่อขจัดคราบไคล ฝุ่นละอองต่างๆ รวมทั้งเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดไป
* ขัดผิวขณะอาบน้ำด้วยสครับ (Scrub) ที่เหมาะกับผิวที่ละเอียดอ่อน เช่น หน้าอก หรือลำคอ หรือจะใช้ฟองน้ำ ใยบวบ หรือแปรง กับผิวบริเวณแขน ขา ไหล่ และหลัง ส่วนหินขัดอาจนำมาใช้กับจุดที่แห้งกร้านอย่างข้อศอก เข่า หรือเท้า
* ควรนวดผิวไปมาวนเป็นวงกลมขณะอาบน้ำ เพื่อความผ่อนคลายและกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิตในร่างกาย หากอาบน้ำจากฝักบัว ให้ลองเปิดน้ำแรงหน่อย แล้วฉีดพรมน้ำลงบนร่างกาย ด้วยการวนไปมารอบอก และย้อนขึ้นลงบริเวณแขน ขา จะช่วยทำให้ผิวเปล่งปลั่งดูมีสุขภาพดีมากขึ้น
* การอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน ควรตั้งอุณหภูมิไว้ไม่เกิน 38-40 องศาเซลเซียส และไม่ควรอาบนานเกินไป เพราะน้ำร้อนจะทำให้รูขุมขนเปิดกว้าง ดังนั้นหลังอาบน้ำจึงควรบำรุงผิวด้วยครีมหรือโลชั่นที่ปี่ยมคุณภาพ อาทิ Plantidote Mega Mushroom Body Cream ครีมทาผิวเนื้อเข้มข้นที่ผสานสารสกัดจากเห็ดหลินจือ เห็ดโคน และเห็ดนางฟ้า เพื่อการบำรุง ดูแลรักษาอาการอักเสบภายในของผิว และซ่อมแซมผิวให้แข็งแรง พร้อมคืนความชุ่มชื่น สมานผิวจากความแห้งกร้าน รอยแดง หรือผิวที่ลอกเป็นขุย ให้เนียนเรียบเปล่งประกายให้ผิวสุขภาพดี
* การอาบน้ำเย็น ควรให้อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 21-27 องศาเซลเซียส ซึ่งช่วยลดอาการอ่อนเพลียของกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง รวมถึงช่วยเรื่องระบบหายใจให้ดีขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น