18 กันยายน 2551

:: มะเร็งปากมดลูก (HPV) ::


มะเร็งปากมดลูก..สถิติที่เพิ่มขึ้นทุกวันของผู้หญิงทั่วโลก


มะเร็งปากมดลูก...โรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย โดยปัจจุบันมีสถิติของผู้เสียชีวิตเฉลี่ยสูงถึง 7 คนต่อวัน และเป็นมะเร็งที่ทำให้ผู้หญิงทั่วโลกเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 3 มะเร็งปากมดลูก...ภัยเงียบที่อาจรู้เมื่อสายเกินไปโดยไม่มีอาการ ไม่มีสัญญานใดๆ โรคร้ายนี้จะใช้เวลาประมาณ 5-10 ปี นับจากช่วงแรกที่เซลล์บริเวณปากมดลูก เริ่มมีอาการเปลี่ยนแปลงจนถึงระยะที่ภาวะของโรคอยู่ในระดับรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น การตรวจภายในอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นวิธีการป้องกันตัวเองอย่างหนึ่ง และทำให้มีโอกาสรักษาที่หายขาดได้ถ้าหากมีการตรวจพบแบบเนิ่น ๆ

รู้ทัน เพื่อป้องกันต้วเองจากปากมดลูก
“มะเร็งปากมดลูก” ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธ์ แต่มีสาเหตุสำคัญมาจากการติดเชื้อไวรัส ในทศวรรษที่ผ่านมา แพทย์และนักวิจัยได้พยายามศึกษาสาเหตุของโรคร้ายนี้ ที่ปัจจุบันได้คร่าชีวิตผู้หญิงทั่วโลกปีละกว่า 270,000 คน และได้ค้นพบว่า ประมาณ 99.7% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูก จะตรวจพบไวรัสชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เอชพีวี (HAP: Human Papillomavirus) โดยไวรัสชนิดนี้ติดต่อง่ายผ่านสัมพันธ์รักกับคู่ของคุณ ซึ่งจากสถิติพบว่า วัยรุ่นช่วงอายุ 18-28 ปี มีสถิติการติดเชื้อ HPV มากที่สุด ตัวเชื้อไวรัสเองนั้นก็มีหลายสายพันธุ์เหมือนๆ กับ ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคอื่นๆ โดยสายพันธุ์ที่อันตรายคือ HPV 16,18,31และ45 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง HPV 16 และ 18 นั้น เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูกประมาณ 70% นอกจากนี้ยังมีเชื้อไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ เช่น HPV 6 และ 11 ที่เป็นสาเหตุหลัก 90% ของการเกิดโรคหูดอวัยวะเพศ (หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรคหูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะเพศ) ซึ่งโรคนี้ถึงแม้จะรักษาได้แต่ก็มักจะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำๆ อีกครั้ง


วันนี้...ผู้หญิงเลือกได้ที่จะไม่เสี่ยง
การเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากมะเร็งปากมดลูกหรือลดโอกาสเสี่ยงจากการติดเชื้อเอชพีวี เป็นเรื่องสำคัญของผู้หญิงยุคนี้โดยมีข้อแนะนำที่ทำง่ายๆ คือ
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
- ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ หรือมีคู้นอนหลายคน
- ควรจะให้ความสำคัญกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่เรียกว่า แป็ปสเมียร์ (Pap smear)

ปัจจุบันสามารถทำได้สะดวกรวดเร็ว โดยควรที่จะได้รับการตรวจเป็นประจำทุกๆ ปี เพื่อให้เราทราบว่า เซลล์บริเวณปากมดลูก มีลักษณะเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติหรือไม่ เพราะการรักษาในระยะก่อนเป็นมะเร็ง จะทำให้มีโอกาสหายขาดได้ค่อนข้างสูง ในขณะที่การรักษาในระยะลุกลามนั้นจะรักษายากและทำให้มีโอกาสเสียชีวิตมากขึ้น


นวัตกรรมเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกชัยชนะของผู้หญิงทั้งโลก
ความสำเร็จจากการค้นพบสาเหตุ ได้นำมาสู่การพัฒนาและวิจัยในส่วนของภูมิคุ้มกัน ที่ช่วยลดโอกาสในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 70% ซึ่งเป็นผลมาจากการติดเชื้อเอชพีวีในสายพันธุ์ที่สำคัญ รวมทั้งป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี ที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศอีกด้วย
ประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อเอชพีวีได้หลายสายพันธุ์ ทำให้ภูมิคุ้มกันมะเร็งปากมดลูกนี้ได้รับการยอมรับและผ่านการอนุมัติการใช้แล้วกว่า 70 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศในยุโรปรวมทั้งประเทศต่างๆ ในแถบเอเชีย ได้แก่ ไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย และ สิงค์โปร์ นอกจากนี้ในประเทศชั้นนำอย่างออสเตรเลียและบางรัฐของสหรัฐอเมริกา ยังได้ประกาศให้ภูมิคุ้มกันนี้ เป็นภาคบังคับสำหรับเด็กหญิงในช่วงอายุ 9-26 ปี ถึงแม้ว่าจะมีนวัตกรรมที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกแล้ว การตรวจ แป๊ปสเมียร์ อย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นเรื่องที่สูติ-แพทย์ ยังคงแนะนำให้ปฏิบัติอยู่ เพราะการป้องกันดังกล่าว สามารถควบคุมเฉพาะในส่วนของเชื้อเอชพีวีสายพันธ์ที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูกในขณะที่เรายังมีโอกาสติดเชื้อเอชพีวีในสายพันธุ์อื่นๆ ที่มีผลต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก


คำถามที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับ...

วัคซีนเอชพีว
การฉีด
วัคซีนเอชพีวีมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยอย่างไรบ้าง
จากการศึกษาในอาสาสมัครสตรีมากกว่า 20,000 รายที่ยังไม่เคยติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 มาก่อน พบว่าการฉีดวัคซีนเอชพีวีมีประสิทธิภาพสูงมากในการป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่นำมาทำวัคซีน และสามารถป้องกันความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูกที่จะเกิดขึ้นจากเชื้อดังกล่าวก่อนที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกได้สูงถึงร้อยละ 100 สำหรับในด้านความปลอดภัยนั้น พบว่าการฉีดวัคซีนเอชพีวีมีความปลอดภัยสูง ไม่พบอาการข้างเคียงที่รุนแรง อาการที่พบได้บ่อยคือ อาการปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีดยาซึ่งไม่รุนแรงและหายไปได้เอง
สตรีที่มีเพศสัมพันธ์แล้วจะฉีด
วัคซีนเอชพีวีได้หรือไม่การฉีดวัคซีนเอชพีวีจะได้ผลดีที่สุดถ้าปากมดลูกยังไม่มีการติดเชื้อเอชพีวี ซึ่งส่วนใหญ่ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ ถ้ามีเพศสัมพันธ์แล้วและยังไม่มีการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 ก็จะได้รับประโยชน์เต็มที่จากการฉีดวัคซีนเอชพีวี แต่ถ้ามีการติดเชื้อเอชพีวีทั้ง 2 สายพันธุ์ แล้วจะไม่ได้ประโยชน์จากการฉีดวัคซีนเอชพีวี อย่างไรก็ตามจากการศึกษาความชุกของการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 ในสตรีอายุ 14-72 ปี จำนวนมากกว่า 20,000 ราย พบว่า สตรีที่ติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่ปากมดลูกมีน้อยกว่า 1% ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นผู้หญิงที่แต่งงานหรือมีเพศสัมพันธ์แล้ว ส่วนใหญ่ก็ยังได้รับประโยชน์จากการฉีดวัคซีนเอชพีวีในการป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี สายพันธุ์ 16 และ/หรือ 18
ทำไมวัคซีนเอชพีวี ไม่สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
วัคซีนเอชพีวีที่มีใช้อยู่สามารถป้องกันการติดเชื้อและรอยโรคก่อนมะเร็งที่เกิดจากเชื้อเอชพีวีมสายพันธุ์ 16 และ 18 ได้สูงถึงร้อยละ 100 แต่เชื้อดังกล่าวเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกเพียงร้อยละ 70 จึงมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกได้จากเชื้อเอชพีวีที่เหลืออีกร้อยละ 30 ดังนั้นหลังจากฉีดวัคซีนเอชพีวีแล้วจึงจำเป็นต้องมารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยแพบสเมียร์อยู่


จำเป็นต้องวัดภูมิคุ้มกัน ภายหลังจาก
การฉีดวัคซีนหรือไม่ ?
ไม่จำเป็น เพราะจากการศึกษาอาสาสมัครประมาณ 1,000 คน ที่ได้รับวัคซีนครบ 3 ครั้ง พบว่ามีการสร้างภูมิคุ้มกันทุกราย อีกทั้งในขณะนี้ยังไม่มีชุดตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเอชพีวีที่สามารถทำได้ในโรงพยาบาลทั่วไป
จะทราบได้อย่างไรว่าร่างกายมีการติดเชื้อเอชพีวีแล้วหรือยัง
สตรีที่ติดเชื้อเอชพีวี จะไม่มีอาการผิดปกติไม่มีไข้หรือตกขาว การติดเชื้อส่วนใหญ่หายได้เอง จะมีเพียงส่วนน้อยที่เป็นการติดเชื้อแบบฝังแน่นเรื้อรัง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินโรคมะเร็งปากมดลูก ขณะนี้ในทางการแพทย์ยังไม่ทราบว่า สตรีที่ติดเชื้อรายใดจะดำเนินโรคเป็นมะเร็งปากมดลูกในอนาคต ดังนั้นสตรีที่มีเพศสัมพันธ์แล้วทุกรายจึงควรได้รับการป้องกันมะเร็งปากมดลูก สำหรับการตรวจหาเชื้อเอชพีวีก่อนฉีดวัคซีน นั้นไม่มีความจำเป็นเพราะการตรวจไม่สามารถระบุได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าการติดเชื้อนั้นจะเป็นแบบฝังแน่นเรื้อรังที่จะกลายเป็นมะเร็งปากมดลูกได้
จะฉีดวัคซีนก่อนแต่งงาน หากฉีดวัคซีนเอชพีวีแล้วจะมีผลในการป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีทันหรือไม่ หรือจะต้องรอฉีดให้ครบ 3 เข็มก่อน
หากจะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ฉีดวัคซีนเอชพีวี ควรใช้ถุงยางนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีและป้องกันการตั้งครรภ์ ในช่วงที่ฉีดวัคซีนเอชพีวีไม่ควรตั้งครรภ์ควรรอฉีดให้ครบ 3 เข็มไปแล้วอย่างน้อย 1 เดือน
การฉีดวัคซีนเอชพีวี จะช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้นานเท่าไรจากข้อมูลที่มีอยู่จนถึงปัจจุบันพบว่า การฉีดวัคซีนเอชพีวีทำให้ร่างกายมีระดับภูมิคุ้มกันสูงมาก สามารถป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีและรอยโรคก่อนมะเร็งปากมดลูกได้นานอย่างน้อย 5 ปีครึ่ง ระดับภูมิคุ้มกันที่มีอยู่สูงกว่าระดับภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อเอชพีวีตามธรรมชาติมาก ดังนั้นหลังจากฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม (ในช่วงเวลา 6 เดือน) จึงไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นซ้ำที่ 5 ปี ระดับภูมิคุ้มกันจะคงอยู่นานเท่าไรนั้นจะต้องติดตามดูต่อไป
“สิ่งที่ควรทราบคือ การติดเชื้อเอชพีวีตามธรรมชาตินั้นไม่สามารถกรุตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ทุกคน และระดับภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นก็ต่ำกว่าการฉีดวัคซีนเอชพีวีมาก อาจจะไม่เพียงพอสำหรับการป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีในอนาคต”



วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) 3 เข็ม
ราคาปกติ 17,700.- บาท ราคาโปรโมชั่น 13,500.- บาทผ่อน 0% 3 เดือน กับ KTC
วันนี้ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2551

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

วันก่อนไปหาคุณหมอมาค่ะ หลังจากที่ได้อ่านข้อมูลมากมายเรื่องการป้องกันมะเร็งปากมดลูก แล้วงงๆ เลยหาเวลาศึกษาจากหลายๆ ตำราแล้วก็ออกไปหาหมอสูติสุดที่เลิฟมาค่ะ


ตอนไปนั่งคุยก็ซักหมอใหญ่เรย ประมาณว่าหนูทำการบ้านมาแร้วววว แต่แป๋วววว ปรากฏว่าเจ้าวัคซีนมะเร็งปากมดลูกที่มันโปรโมทกันโครมๆ เนี่ย จริงๆ มันไม่ได้มีแค่ตัวเีดียวนะคะ มันมีสองตัวค่ะ ตัวนึงจะเป็นตัวที่กันมะเร็งได้เยอะมากกว่า ทั้งมะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งช่องคลอด ก็สามมะเร็งแล้วนะค่ะ ที่เราจะได้ประโยชน์ นอกจากนี้ยังกันหูดหงอนไก่ได้อีก เพราะหมอเค้าบอกว่า มันถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ให้ครอบคลุมโรคได้มากกว่า และในแต่ละการป้องกันนั้นก็ยังเป็นการป้องกันแบบสุดๆ มีงานวิจัยรองรับอย่างดี อเมริกาเองก็ซื้อมาฉีดให้กับคนในประเทศกันฟรีๆ เรียกง่ายๆ ว่าตัวที่ต้องเลือกคือตัวที่กันได้สามมะเร็งและหูด


อีกตัวจะป้องกันได้น้อยกว่าเยอะ เพราะกันแค่มะเร็งปากมดลูก และยังใช้ไม่ได้ หรือทางหมอเค้าจะเรียกว่าไม่มีข้อมูลการป้องกันในผู้หญิงอายุเกินยี่สิบหกปี ค่ะ ในผู้หญิงที่ต้องให้นมลูกก็ยังไม่มีข้อมูลการศึกษานะคะ เดาเอาว่าปลอดภัย ไม่ปลอดภัยก็วัดดวงกันเอาเองนะคะ สำหรับคนเลือกยี่ห้อนี้


ที่เด็ดดวงกว่านั้นคือ เราเลือกรับวัคซีนได้แค่ยี่ห้อเดียวค่าาาา แปลว่าเลือกผิดคิดจนตัวตายถูกไหมคะ

เอาเป็นว่ายูมิทำการบ้าน รวมทั้งเอาประสบการณ์ตรงมาแชร์แระ ฝากเพื่อนๆ ถ้าจะไปคุยกับคุณหมอ ก็ขอข้อมูลเยอะๆ นะคะ

แถมอีกหน่อยวัคซีนสองตัวราคาไม่่ต่างกันมาก เรียกง่ายๆว่าตัวถูกแต่กันได้น้อยกว่า กับตัวแพงอีกนิดหน่อย แต่คุ้มค่ามากกว่า ก็เลือกกันเอานะคะ

เมาท์่ต่ออีกนิดนะคะ จากอ่านเวบบล๊อกของหลายๆ แห่ง มาจะบอกว่า จริงๆ ยังให้ข้อมูลไม่ครบเยอะมากค่ะ เพราะวัคซีนมีสองตัว ตัวที่ป้องกันได้สี่สายพันธุ์ กันได้สามมะเร็งคือ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งช่องคลอด และหูดหงอนไก่ เป็นตัวเดียวที่มีข้อมูลใช้ได้กับสตรีอายุเกินยี่สิบหกถึงสี่สิบห้าปี แต่บางครั้งพอถามไปถามมา ว่ายี่ห้อไหนดี ก็จะยังงงๆ กัน ฟันธงไปเลยดีกว่าค่ะ ว่าตัวที่ชื่อนำหน้าว่า การ์ .. เป็นตัวดีสุดในโลกเพราะกันโรคได้เยอะสุด ฟันธงค่ะ


สำหรับอีกตัวนึงที่กันได้แค่สองสายพันธุ์จะมีข้อมูลการป้องกันเฉพาะใน เด็ก นอกจากนี้หากเป็นสตรีให้นมลูกก็ยังไ่ม่ไมีข้อมูลความปลอดภัยตามที่บอกไป แล้ว ถ้าจะดูแค่เรื่องมะเร็งปากมดลูก สองตัวมีประสิทธิภาพดีพอๆกัน แต่ถ้าดูความคุ้มค่า ตัวที่กันสามมะเร็งและหูดหงอนไก่ได้นั้น กินขาดค่ะ เรียกว่าคุ้มชนะเลิศ เลยค่ะ ถ้าเราอยากเพิ่มความชัวร์ก็เข้าไปดูในเวบไซท์ของ อย ของอเมริกาได้เลยนะคะ

แถมอีกค่ะ ที่ อเมริกา แคนาดา ฝรั่งเศษ ประเทศบิ๊กๆ รวยๆ เขาห่วงคนเขาและเลือกตัวที่ป้องกันได้เยอะกว่า ไปฉีดฟรีให้คนในประเทศค่ะ ดูเอาง่ายๆ ค่ะประเทศพวกนี้เขาห่วงประชาชนเขาจะตาย รัฐจะยอมจ่ายเงินซื้อตัวไหน ก็ต้องคิดดีแล้วว่าลดค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรคได้เยอะมากกว่า คุ้มมากกว่าค่ะ แว่วๆ ว่าประเทศของเจ้าชายสุดหล่อ จิ๊กมี่ ก็เลือกตัวสี่สายพันธุ์กันสามมะเร็งและหูดเนี่ยหล่ะค่ะ

เราๆ อ่านกันแล้วก็ดูดีๆ นะคะ เพราะผู้หญิงฉีดได้แค่ยี่ห้อเดียว เดี๋ยวจะคิดผิดจนตัวตายได้นะคะ ราคาเองก็ไ่ม่ได้ต่างกันมากมายด้วยค่ะ อ้อ ฉีดแล้วยังไงก็ต้องตรวจภายในสม่ำเสมอทุกปีค่ะ แอบกระซิบเลยค่ะ ว่าตัวเจ๋งกันได้เยอะสุดชื่อนำหน้าว่าตัว G หรือภาษาไทยคือคำว่า การ์ .. ค่ะ ส่วนสาวๆ ที่พลาดไปเลือกตัวที่โปรโมทกันเยอะว่าเฉพาะมะเร็งปากมดลูกๆๆ ก็แสดงความเสียใจด้วยว่าคุณพลาดโอกาสในการป้องกันมะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด และแถมคุณยังมีโอกาสเป็นหูดหงอนไก่ได้อีกค่ะ