คอลัมน์ ไอทีทะลุโลก
โดย ศิริพงษ์
การใช้คอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการวินโดวส์นั้น ผู้ใช้มีความสุ่มเสี่ยงต่อการติดไวรัส หรือ สปายแวร์ ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะคนใช้อินเทอร์เน็ตท่องเว็บทั้งหลาย แต่ก็ป้องกันได้ไม่ยากอย่างน้อยในขั้นต้นอาศัยโปรแกรมป้องกันไวรัสสักตัว ป้องกันสปายแวร์อีกตัว แบบที่เป็นของฟรีจริงๆ และประสิทธิภาพดีก็มีให้หามาใช้กันได้ ในขณะเดียวกันอีกทางหนึ่งก็คือผู้ใช้งานเองจำเป็นจะต้องระมัดระวังตัวเองด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเว็บและนักดาวน์โหลดทั้งหลาย
ผลจากการสำรวจวิเคราะห์ของ กูเกิล เสิร์ช เอ็นจิ้น ยักษ์ใหญ่ของโลก พบว่าจำนวนหน้าเว็บที่ค้นหาโดยผ่านกูเกิล 4.5 ล้านหน้า มีอยู่ถึง 450,000 หน้าที่ซ่อนโค้ดวายร้ายเช่น สปายแวร์ เอาไว้ในหน้าเว็บและสามารถติดตั้งลงเครื่องของผู้ใช้งานได้โดยไม่รู้ตัว
นั่นเท่ากับ 1 ใน 10 ของหน้าเว็บที่เป็นผลจากการค้นผ่านเสิร์ช เอ็นจิ้นเลยทีเดียว
นอกจากนั้นยังมีอีกจำนวน 700,000 หน้าที่ทีมวิจัยคิดว่าอาจจะซ่อนโค้ดสำหรับการเข้ายึดเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นเป็นฐานปฏิบัติการ หรือการไฮ-แจ๊ค คอมพิวเตอร์
เว็บไซต์ที่ซ่อนโค้ดพวกนี้มักจะเป็นเว็บไซต์ที่มีชั้นเชิงในการโฆษณาชวนเชื่อที่น่าสนใจให้คลิกตามลิงก์เข้าไป เช่น เว็บโป๊ลามก หรือ ซอฟต์แวร์ รวมไปถึงเว็บไซต์ที่ให้ดาวน์โหลดต่างๆ และจากเดิมที่ซอฟต์แวร์วายร้ายติดตั้งลงเครื่องจะปรับเปลี่ยนบุ๊คมาร์ท, ทูลบาร์ หรือ มีหน้าต่างโฆษณาขึ้นมาก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้ใช้ ก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นคีย์ล็อกเกอร์ เพื่อโจรกรรมข้อมูลมากขึ้น
กูเกิลวิเคราะห์เจาะลึกข้อมูลแล้วพบว่า หน้าเว็บซ่อนโค้ดเหล่านี้ ส่วนหนึ่งเจ้าของเว็บเองก็ไม่รู้ เนื่องจากมันมากับแบนเนอร์โฆษณา หรือวิดเจ็ต โปรแกรมที่มีไว้เสริมแต่งเว็บ เช่น ปฏิทิน, เว็บเคาน์เตอร์ หรือตัวนับผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บ เป็นต้น ที่เจ้าของเว็บไซต์ไม่ได้เขียนขึ้นเองแต่ไปดาวน์โหลด มาจากที่อื่นๆ
ยิ่งแนวโน้มของเว็บไซต์ยุคปัจจุบันซึ่งผู้ใช้งานเป็นผู้สร้างเนื้อหากันเอง สิ่งเหล่านี้ก็จะยิ่งมีมากขึ้นตามลำดับ เช่น การเขียนบล็อก แล้วไปใส่ภาพที่ดึงลิงก์มาจากที่อื่นโดยภาพนั้นมีโค้ดซ่อนอยู่ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ป้องกันไม่ง่ายนักนอกจากผู้ใช้งานจะรู้จักระมัดระวังตัวเองในขั้นต้น สิ่งที่ กูเกิลพอจะทำได้ในเวลาก็มีเพียงข้อความเตือนจากผลการค้นหาว่า "this site may harm your computer"
แนะนำบทความดีๆ เผื่อเป็นประโยชน์ไว้ป้องกันไวรัสที่แฝงมากับเว็บไซต์ พอดีกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้อ่ะ .

ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น